“สุภาพบุรุษนักวิชาการ”
ผมได้พบท่านอาจารย์ ดร.อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สมัยเมื่อมหาวิทยาลัยได้เรียนเชิญท่านมาเป็น ‘เกตุทัต ศาสตราภิชาน’ ระหว่างปี พ.ศ. 2546-2548 และผมเป็น ‘สุทธิพิทักษ์
ศาสตราภิชาน’ ในช่วงเวลา 2546 ที่ซ้อนกับท่าน
ตำแหน่งดังกล่าวคือ Chair Professor ของฝรั่ง ท่านนายกสภามหาวิทยาลัย คือ ศาสตราจารย์
ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต เป็นผู้ริเริ่มและได้รับการสนับสนุนจากสองครอบครัวผู้เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยคือ ‘สุทธิพิทักษ์’ และ ‘เกตุทัต’ ผู้ที่ได้รับเชิญสามารถศึกษาวิจัยเรื่องใดก็ได้ตามความปรารถนา
‘สุทธิพิทักษ์ ศาสตราภิชาน’ ท่านอื่นๆ ก็ได้แก่ ดร.เสรี พงศ์พิศ ดร.ภาพร เอกอรรถพร ส่วน ‘เกตุทัต ศาสตราภิชาน’ ท่านอื่นๆ ก็ได้แก่ ดร.บุญเลิศ เลียวประไพ อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว และ ‘ปรีดี พนมยงค์ ศาสตราภิชาน’ ก็ได้แก่ ดร.อัมมาร สยามวาลา และ ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา
ในช่วงเวลา 2547-2549 ผมทำงานในตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ดังนั้นผมและคณาจารย์จึงได้มีโอกาสรับประทานอาหารกลางวันกับท่านอยู่เนืองๆ ผมได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้วในเรื่องความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์ สุจริต และความเมตตาที่ท่านมีให้ทุกคน เมื่อผมได้พบและรู้จักท่านมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกนับถือ และรู้สึกใกล้ชิดท่านเพราะผมคุ้นเคยกับพี่ผาณิตภรรยาของท่าน เอก และโอ๋ (ลูกชายและลูกสาว) มาก่อนที่จะพบท่าน
โดยเนื้อแท้แล้วท่านอาจารย์อิสสระเป็นนักวิชาการด้านกฎหมาย ท่านพูดไม่มาก แต่เมื่อพูดแล้วท่านสามารถทำให้ผมเข้าใจประเด็นกฎหมายที่ซับซ้อนได้ชัดเจนขึ้น (ถึงแม้จะไม่หมดทุกประเด็นก็ตาม) ในช่วงเวลาของการเป็น ‘เกตุทัต ศาสตราภิชาน’ ท่านได้ศึกษาและเขียนบทความวิชาการหลายเรื่อง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ท่านอยู่ในวัย 70 ปี และผ่านงานหนักจากการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลรัฐธรรมนูญมาแล้วก็ตาม
คุณลักษณะหนึ่งของท่านอาจารย์ที่ผมสังเกตเห็นก็คือความเป็นสุภาพบุรุษของท่าน ท่านเป็นคนสุภาพ มีมารยาท ให้เกียรติผู้อื่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อ่อนด้อยกว่าในด้านวัยวุฒิ ปัญญา หรือความรู้ ท่านรับฟังเสมอด้วยความเคารพและด้วยความเมตตา ถึงแม้อาจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ท่านมักเล่าเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับราชการที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเพื่อเป็นบทเรียนสอนพวกเราพร้อมกับแทรกข้อคิดที่เป็นประโยชน์ ท่านมิได้เล่าอย่างตำหนิติเตียนผู้ใดเป็นการเฉพาะ หากอยากให้คนรุ่นหลังได้รับทราบไว้เป็นประวัติศาสตร์เท่านั้น
ความเป็นสุภาพบุรุษของท่านตรึงอยู่ในความรู้สึกและทำให้ผมและเพื่อนๆ ได้เลียนแบบ เช่นเดียวกับการยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ความมีคุณธรรม ความมีเมตตาธรรม และความเป็นสุภาพบุรุษ ท่านมิได้สอนเราด้วยคำพูดตรงๆ แต่ท่านกระทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง
ผมขอกราบระลึกถึงคุณงามความดีของท่านที่ได้ทำให้แก่สังคมของเรา และขอกราบบูชาคุณความดีทั้งหมดที่ท่านได้ทำให้เราเห็นเพื่อยึดเป็นแนวทางต้นแบบในชีวิต
กราบท่านอาจารย์ด้วยความรักและความเคารพอย่างสูง จาก
ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
มีนาคม,2564