ความทรงจำถึงท่านดร.อิสสระ
ผมได้มีโอกาสรู้จักกับท่านดร.อิสสระ เมื่อผมได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านดร.อิสสระ ดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2541 เนื่องจากผมเป็นตุลาการที่อายุน้อยกว่าท่าน 10 ปี ผมจึงถือว่าท่านเป็นตุลาการผู้ใหญ่และผมดีใจที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับท่านที่มีทั้งประสบการณ์และความรู้สูงเพื่อที่จะได้เรียนรู้ทั้งในด้านการทำงาน การตัดสินใจ และการวินิจฉัยคดีต่างๆ
ตลอดระยะเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการและเป็นประธานศาลศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปี บริบูรณ์ ท่านได้แสดงบทบาทในการวินิจฉัยคดีต่างๆ ด้วยความเที่ยงธรรม ตรงไปตรงมาตามหลักการของกฎหมายและเจตนามรณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใดๆ
คดีที่ส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น มีหลายคดเป็นเรื่องของการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของผู้นำทางการเมืองโดยเฉพาะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี เช่น การวินิจฉัยคุณสมบัติของรัฐมนตรีและการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกรัฐสภา รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ถ้าวินิจฉัยว่ายื่นเป็นเท็จก็จะต้องพ้นจากดำแหน่งทางการเมืองทันที ดังนั้นในการวินิจฉัยคดีดังกล่าว ท่านดร.อิสสระ มิได้หวาดหวั่นหรือหวั่นเกรงอิทธิพลและแรงกดดันต่างๆ แต่อย่างใด ท่านได้ยึดมั่นในหลักการและความถูกต้องเที่ยงธรรมอย่างสม่ำเสมอ แม้ท่านจะอยู่ในส่วนของเสียงข้างน้อย เช่น คดีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
ในด้านความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ท่านดร.อิสสระ เป็นกันเองกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือตุลาการ เป็นคนอัธยาศัยดี แม้ในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ท่านไม่เคยถือตัว ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือและรักใคร่ของทุกคนในศาลรัฐธรรมนูญ
ด้วยกรรมดีที่ท่านศ.ดร.อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศได้กระทำมาตลอด จงดลบันดาลให้ท่านจงประสบแต่ความสุขตลอดไปในสัมปารยภพด้วยเทอญ
ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2543-2547